แจกเงิน 3000 บาท วิธีการลงทะเบียนรับเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบไปทั่วทุกหย่อมหญ้า แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการช่วยเหลือผู้เดือดร้อน และกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาจำนวนมาก ก็ดูเหมือนว่ายังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างครอบคลุม ด้วยเหตุนี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบศ.) จึงได้ผลักดันมาตรการ ‘คนละครึ่ง’ ซึ่งมีสาระสำคัญที่หลายคนสนใจคือการแจกเงิน 3000 บาท เพื่อซื้อสินค้าจำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต มีระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2563 สำหรับรายละเอียดและวิธีการลงทะเบียนรับเงินมีขั้นตอนอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

 

ลิงก์ผู้สนับสนุน

แจกเงิน 3000 บาท มีเงื่อนไขการรับเงินอย่างไร

สำหรับการรับแจกเงิน 3000 บาท ตามมาตรการ ‘คนละครึ่ง’ นั้น คุณต้องทำความเข้าใจก่อนว่ามาตรการดังกล่าวมีเงื่อนไขที่ให้ผู้รับเงินต้องออกเงินคนละครึ่งสมชื่อนโยบาย นั่นคือผู้รับเงินจะต้องออกค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งในการซื้อสินค้าผ่านแอพ ‘เป๋าตัง’ โดยรัฐจะออกเงินสมทบให้อีกครึ่งหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่จะสามารถใช้เงินที่รัฐสนับสนุนให้ตามมาตรการคนละครึ่งจะต้องมีเงินในบัญชีแอพเป๋าตังพร้อมใช้งานจำนวน 3,000 บาท เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ โดยมีเงื่อนไขดังนี้

– มีสัญชาติไทย

– อายุ 18 ปีขึ้นไป

– มีแอพเป๋าตังใช้งาน

 

หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงิน 3000 บาท

– จำกัดการใช้จ่ายวันละไม่เกิน 250 บาท

– ใช้ซื้อสินค้า อาหาร เครื่องดื่มได้ทุกประเภท

– ไม่สามารถใช้ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

 

คำถามที่เกี่ยวข้องกับมาตรการคนละครึ่ง แจกเงิน 3000 บาท

ใครมีสิทธิรับเงิน 3000 บาท จากมาตรการคนละครึ่งบ้าง?

– คนไทยจำนวน 15 ล้านคน

– มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

แจกเงิน 3000 บาท ลงทะเบียนอย่างไร

ผู้ที่ต้องการรับเงิน 3000 บาท จากมาตรการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com

 

สามารถใช้เงินแจก 3000 บาท ซื้ออะไรได้บ้าง

ผู้ที่ได้รับสิทธิแจกเงิน 3000 บาท จากมาตรการคนละครึ่งสามารถใช้เงินดังกล่าวซื้อสินค้าจากร้านค้ารายย่อยที่ขึ้นทะเบียนถุงเงินไว้กับธนาคารกรุงไทยทุกร้าน

มาตรการคนละครึ่ง แจกเงิน 3000 บาท ลงทะเบียนเมื่อไหร่

คาดการณ์ว่ารัฐบาลจะเปิดให้ประชาชนได้ลงทะเบียนรับเงิน 3000 บาท ผ่านเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com ในช่วงกลางเดือนกันยายน – ตุลาคมนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของกระทรวงการคลัง