ซื้อทองช่วงไหนดี ทำไมทองขึ้นราคา 2568

ปี 2568 (2025) เป็นอีกปีที่ทองคำทำสถิติราคาสูงสุดใหม่เกิน 3,400 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์ หลายวันติดต่อกัน และบางช่วงทะยานแตะกรอบ 3,500 ดอลลาร์ ซึ่งนับว่าสูงกว่าต้นปีราว 30 เปอร์เซ็นต์ กระแสนี้ทำให้นักลงทุนมือใหม่จำนวนมากตั้งคำถามว่า “ควรซื้อทองตอนไหน” และ “ทำไมราคาทองถึงพุ่ง” บทความนี้จะอธิบายทุกแง่มุม ตั้งแต่จุดแข็ง จุดอ่อน ข้อควรระวัง ไปจนถึงแนวโน้มตลาดและเคล็ดลับการลงทุน 

ภาพรวมราคาทอง 2568

  • สถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง: ในรอบสี่เดือนแรก ราคาทองทำ All-Time High มากกว่า 25 ครั้ง ปรับขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 6-8 เปอร์เซ็นต์ 

  • ความผันผวนสูงขึ้น: หลังทำจุดสูงสุด ราคามักย่อตัวแรง เช่นร่วงมากกว่า 80 ดอลลาร์ในวันเดียว ก่อนรีบาวด์กลับอย่างรวดเร็ว 

  • แรงซื้อจากธนาคารกลาง: รายงานไตรมาส 4/67-1/68 ชี้ว่าธนาคารกลางทั่วโลกซื้อสุทธิ เกิน 700 ตัน/ไตรมาส สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 

ทำไมราคาทองปี 2568 จึงขึ้นแรง

ปัจจัยหลัก คำอธิบายสำหรับมือใหม่
ดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นขาลง เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย ผลตอบแทนพันธบัตรปรับลง “ต้นทุนโอกาส” ในการถือทอง (ซึ่งไม่ให้ดอกเบี้ย) ลดลง จึงดันราคาทองขึ้น
เงินเฟ้อและค่าเงินดอลลาร์อ่อน เงินเฟ้อโลกยังสูงกว่ากรอบเป้าหมาย แม้ชะลอลง ทำให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ป้องกัน (hedge) ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าทำให้ราคาทองถูกลงในสายตาผู้ถือสกุลอื่น
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งยืดเยื้อในยูเครน ตะวันออกกลาง และสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ผลักให้ทองเป็น “ที่หลบภัย”
การกระจายทุนของธนาคารกลาง หลายประเทศเร่งลดสัดส่วนเงินสำรองดอลลาร์ หันมาถือทองเพื่อกระจายความเสี่ยง

ซื้อทอง “ช่วงไหนดี”

  1. ซื้อแบบ DCA (เฉลี่ยต้นทุน)

    • แบ่งเงินเป็นงวดเท่า ๆ กัน (เช่น ทุกวันที่ 15 ของเดือน) ไม่สนใจราคาวันนั้นสูง ต่ำ วิธีนี้ลดความเครียดและลดความเสี่ยงซื้อที่จุดสูงสุด

  2. จับจังหวะช่วงย่อตัว 5-10 %

    • สถิติปี 2568 ชี้ว่าทองมักพักฐานหลังขึ้นแรง ย่อเฉลี่ย 5-8 % ภายใน 1-2 สัปดาห์ ใช้เครื่องมือง่าย ๆ อย่างเส้นค่าเฉลี่ย 20 หรือ 50 วันช่วยดูแนวรับ

  3. อิงฤดูกาล

    • ช่วง “เทศกาลแต่งงานอินเดีย” (ก.ย.-พ.ย.) และ “ตรุษจีน” (ม.ค.) ดีมานด์เครื่องประดับสูง มักดันราคา ก่อนหน้าฤดูกาลราว 1-2 เดือนจึงเป็นจังหวะเก็บสะสม

รูปแบบการลงทุนทองในไทย

รูปแบบ จุดเด่น จุดด้อย / ข้อจำกัด
ทองคำแท่ง 96.5 % จับต้องได้ ไม่มีความเสี่ยงสถาบันการเงิน ต้องเก็บรักษาเอง เสี่ยงสูญหาย Spread ซื้อ-ขายกว้าง
ทองรูปพรรณ ใช้สวมใส่ได้ มีมูลค่าทางวัฒนธรรม ค่าแรงสูง คืนร้านได้ราคาต่ำกว่าทองแท่ง
บัญชีทองออนไลน์ / Gold Wallet ซื้อขั้นต่ำหลักร้อย เก็บบนแพลตฟอร์ม ไม่ต้องดูแลของจริง เสี่ยงสภาพคล่องแพลตฟอร์ม อาจมีค่าธรรมเนียมรายปี
สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ทอง Spot / Gold Futures) ใช้เงินวางมาร์จินน้อย ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้น-ลง มีวันหมดอายุ ต้องเข้าใจมาร์จินคอล ผันผวนสูง
กองทุน ETF ทองคำ บริหารมืออาชีพ สภาพคล่องสูง ซื้อผ่านโบรกเกอร์หุ้นได้ มีค่าธรรมเนียม 0.3-0.7 % ต่อปี อาจมีส่วนต่าง NAV

จุดแข็งของการถือทอง

  • ป้องกันเงินเฟ้อระยะยาว: ผลตอบแทนเฉลี่ยระยะ 20 ปีสูงกว่าค่าเงินเฟ้อไทยราว 1-2 % ต่อปี

  • สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงระบบการเงิน: เมื่อหุ้นหรือคริปโตร่วงแรง ราคาทองมักปรับขึ้นสวน

  • สภาพคล่องสูงทั่วโลก: ขายได้ 24 ชม. ผ่านตลาดสากล

จุดอ่อนและข้อจำกัด

  • ไม่สร้างกระแสรายได้: ไม่ปันผล ไม่ให้ดอกเบี้ย

  • ราคาผันผวนในระยะสั้น: ปี 2568 มีช่วงปรับลงวันเดียวกว่า 2.5 %

  • Spread และภาษี: ซื้อร้านทองมีค่าส่วนต่าง ค่ากำเหน็จ และเสีย VAT นำเข้า (กรณีนำทองเข้าไทย)

  • ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน: นักลงทุนไทยต้องจับตาเงินบาท ถ้าเงินบาทแข็งอาจกดราคาทองในประเทศให้ลงแม้ราคาดอลลาร์จะขึ้น

ปัจจัยที่กระทบราคาทอง 

  1. ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ (Fed Funds Rate)

  2. ค่าเงินดอลลาร์ (DXY Index)

  3. เงินเฟ้อ CPI เดือนต่อเดือน

  4. ปริมาณซื้อขายของธนาคารกลาง (World Gold Council รายงานรายไตรมาส)

  5. ความตึงเครียดระหว่างประเทศ / สงคราม

  6. ความต้องการเครื่องประดับในจีน-อินเดีย

  7. ภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (เช่น ชิปขั้นสูงใช้ทองเป็นตัวนำ)

  8. กระแสคริปโต: บางช่วง Bitcoin ถูกมองแข่งกับทอง ถ้าเม็ดเงินไหลเข้า Bitcoin มาก ทองอาจชะงักชั่วคราว

แนวโน้มตลาดทองหลังปี 2568

  • สถาบันการเงินใหญ่คาดโอกาสเห็น 3,700-4,000 ดอลลาร์ใน 2569 หากธนาคารกลางยังซื้อสุทธิระดับ 700 ตัน/ไตรมาสต่อเนื่อง 

  • ดอกเบี้ยขาลงต่อเนื่อง: นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมิน Fed จะลดดอกเบี้ยรวม 75-100 bps ใน 18 เดือนจากนี้

  • Diversification จากคริปโต: นักลงทุนสถาบันกระจายเข้าทองเพิ่ม หลังคริปโตมีความผันผวนมากในไตรมาส 1/68


เคล็ดลับการลงทุนทองสำหรับมือใหม่

  1. กำหนดสัดส่วนพอร์ต: เริ่มต้นเพียง 5-10 % ของพอร์ตการลงทุนรวม ลดความเสี่ยง Over-Exposure

  2. ใช้ DCA ดีกว่า All-in: กระจายเงินลงทุนสม่ำเสมอ ลดความเสี่ยงซื้อแพง

  3. ตั้งเป้าหมายและระยะเวลา: ถ้าต้องการป้องกันเงินเฟ้อระยะยาว ถืออย่างน้อย 3-5 ปี อย่ากังวลความผันผวนรายวัน

  4. ติดตามค่าเงินบาท: ถ้าเงินบาทเสี่ยงแข็งค่าแรง ชะลอซื้อทองในประเทศแล้วรอจังหวะที่เงินบาทอ่อน

  5. ดูต้นทุน Spread: เปรียบเทียบราคารับซื้อ-ขายของร้านทอง/แพลตฟอร์มก่อนทุกครั้ง

  6. ใช้ Stop-Loss หากเทรด Futures: ตั้งจุดตัดขาดทุนชัดเจน ไม่หวัง “เด้ง” เพราะสัญญามีวันหมดอายุ

  7. เฝ้าดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ: รายงาน CPI, NFP, FOMC Statement มักทำให้ราคาทองผันผวนภายในนาที

  8. เก็บใบเสร็จและใบรับรอง: ช่วยยืนยันความบริสุทธิ์ของทอง ขายต่อได้ราคาดี


สรุป

ทองคำยังคงเป็น “สินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง” ที่ได้รับความนิยมสูงในปี 2568 เพราะดอกเบี้ยสหรัฐฯ เป็นขาลง เงินเฟ้อเรื้อรัง และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้ราคาจะทำสถิติใหม่ แต่ก็ยังมีโอกาสพักฐานแรงอยู่เสมอ กลยุทธ์ที่เหมาะกับมือใหม่คือการ “ซื้อเฉลี่ยต้นทุน” กำหนดสัดส่วนพอร์ตชัดเจน เข้าใจข้อจำกัดเรื่องสเปรด ค่าเงินบาท และไม่มีผลตอบแทนแบบดอกเบี้ย หากลงทุนอย่างมีวินัย ทองคำยังเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงที่พิสูจน์ตัวเองมายาวนานกว่า 2,000 ปีและยังคงส่องประกายในยุคที่โลกไม่แน่นอนเช่นทุกวันนี้