มาตรการ ช้อปดีมีคืน เป็นอีกมาตรการของรัฐบาลที่ออกมาเพื่อดำเนินการตามนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน หลังจากเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง และทำให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจต้องหยุดชะงัก โดยมาตรการ ช้อปดีมีคืนเป็นมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เราสามารถจับจ่ายและสามารถนำค่าใช้จ่ายมาหักการช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีปี 2563 ได้สูงสุดถึง 30,000 บาท ซึ่งจากมาตรการที่เริ่มดำเนินการไปแล้ว ทำให้หลาย ๆ คนมีข้อสงสัยและมีคำถาม ช้อปดีมีคืน ซื้ออะไรได้บ้าง ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ หรือมาตรการ ช้อปดีมีคืนต้องเก็บหลักฐานการชำระเงินอย่างไร ถึงจะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสินค้า หลาย ๆ ชิ้น ที่มีข้อคำถามว่าถ้าซื้อ จะสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ อาทิ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ เปลี่ยนยางรถยนต์ ทองคำ โดยวันนี้ เราได้รวบรวมคำถามต่าง ๆ มาเพื่อให้คำตอบเพื่อคลายข้อสงสัยสำหรับคุณที่ต้องการใช้สิทธิ ช้อปดีมีคืน 2563 ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
ลิงก์ผู้สนับสนุน
มาตรการ ช้อปดีมีคืน ใครเข้าร่วมได้บ้าง ?
มาตรการ ช้อปดีมีคืนเป็นอีกมาตรการการกระตุ้นการจับจ่ายจากรัฐบาลที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าร่วมไปมากที่สุดโครงการหนึ่ง โดยมีข้อห้ามอยู่เพียงบางประการเท่านั้น โดยช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีนั้นมีการกำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นไว้ คือ ผู้ต้องการใช้สิทธิต้องเป็นผู้ที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2563 ที่จะยื่นแบบภาษีในช่วงต้นปี 2564 และที่สำคัญคือ ผู้ที่ใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืนจะต้องไม่เป็นผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และไม่เป็นผู้ที่ลงทะเบียนโครงการคนละครึ่ง ซึ่งมีการให้ประชาชนได้เลือกแล้วว่าจะเข้าร่วมโครงการใดโครงการหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นก่อนการลงทะเบียน ผู้ที่สนใจใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืนจะต้องพิจารณารายละเอียด ข้อดีและข้อเสียให้ดีก่อนการลงทะเบียนมาตรการคนละครึ่ง เพราะถ้าคุณลงทะเบียนไปแล้วจะทำให้เสียสิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืนทันที
ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีได้เท่าไหร่ ?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีรายได้ ตั้งแต่ 0 – 150,000 บาทนั้น จะได้รับการยกเว้นภาษี ดังนั้น สำหรับมาตรการ ช้อปดีมีคืน ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์ด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะดำเนินการจับจ่ายซื้อสินค้า จะได้รับสิทธิตามมาตรการ ช้อปดีมีคืนเงินเต็มจำนวน 30,000 บาทก็ตาม ดังนั้นหากคุณจัดว่าอยู่ในข่ายของผู้ที่มีรายได้ต่อปี ไม่เกิน 150,000 บาทก็จะไม่สามารถรับสิทธิ์การลดหย่อนภาษีนี้ได้ เพราะในที่สุดแล้ว คุณก็ไม่ต้องจ่ายภาษีอยู่แล้วนั่นเอง
แต่สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อปี มากกว่า 150,000 บาทต่อปี หากมีการจับจ่ายใช้สอยหรือ ช็อปเต็มจำนวนไม่เกิน 30,000 บาท ก็จะมีสิทธิ์ได้รับเงินคืน จากมาตรการ ช้อปดีมีคืน ลดหย่อยภาษีได้โดยจะอยู่ที่ 1,500 บาท และจะได้รับเงินคืน จากมาตรการ ช้อปดีมีคืนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แบบขั้นบันได อาทิ รายได้สุทธิต่อปี 150,001 – 300,000 บาท ฐานภาษีที่ 5% ได้ช้อปดีมีคืน ลดหย่อยภาษีที่ 1,500 บาท ส่วน หากรายได้ต่อปีมากกว่า 5 ล้านบาท ฐานภาษีอยู่ที่ 35% จะได้รับสิทธิช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี ถึง 10,500 บาท
ช้อปดีมีคืน ต้องเก็บเอกสาร และใบกำกับภาษีอย่างไร ?
สิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดประการหนึ่งสำหรับการใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืน คืนการเก็บหลักฐานการชำระสินค้า โดยต้องเก็บหลักฐานใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบเท่านั้น จากประมวลรัษฎากร ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ คือ เอกสารหลักฐานสำคัญ ซึ่งผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยทั่วไป มีหน้าที่ต้องออกให้แก่ผู้ซื้อสินค้าหรือบริการ ซึ่งใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบจะต้องมีรายการอย่างน้อยที่ระบุไว้ในเอกสารสำคัญดังนี้เพื่อให้สามารถใช้สิทธิตามมาตรการ ช้อปดีมีคืน
- ต้องมีการระบุคำว่า “ใบกำกับภาษี” ในที่นี่เห็นได้อย่างชัดเจน เพื่อความถูกต้องของเอกสารสำคัญสำหรับช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี
- ในใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีต้องมีการระบุ ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ประกอบการจดทะเบียนที่ออกใบกำกับภาษีและในกรณีที่ตัวแทนเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในนามของผู้ประกอบการจดทะเบียน หรือผู้ทอดตลาดเป็นผู้ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีในนามผู้ประกอบการตามมาตรา 86/ 3 ให้มีการระบุชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้แทนนั้นด้วย
- ต้องการระบุชื่อ ที่อยู่ ของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการในใบกำกับภาษี ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี
- ต้องมีการระบุหมายเลขลำคับของใบกำกับภาษี และหมายเลขลำดับของเล่ม (ถ้ามี)
- ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้าและบริการให้ชัดเจน
- จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีการคำนวณจากมูลค่าของสินค้าและบริการ โดยให้แยกออกจากมูลค่าสินค้าและ/ หรือของบริการให้ชัดเจน
- วัน เดือน ปี ที่ออกใบกำกับภาษี ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีนั้น
- ข้อความอื่น ๆ ที่อธิบดีกำหนดเพิ่มเติม (ถ้ามี) เช่น การอธิบายเพิ่มเติม การออกเอกสารเป็นชุด หรือการสำเนาใบกำกับภาษี ช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีนั้น ๆ เป็นต้น
สิ่งที่มีความสำคัญอีกประการสำหรับช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี นอกจากรายละเอียดที่มีการระบุไว้ในใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ คือ ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบนั้นจะต้องเป็นภาษาไทย เป็นหน่วยเงินตราไทย และใช้ตัวเลขไทยหรือฮินดูอารบิก เว้นแต่ ในกิจการบางชนิดหรือบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องทำเอกสารเป็นภาษาต่างประเทศ หรือใช้หน่วยเงินตราเป็นเงินตราต่างประเทศ ให้ออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบเป็นภาษาต่างประเทศและใช้หน่วยเงินตราต่างประเทศได้ เมื่อได้รับการอนุมัติจากอธิบดี
ช้อปดีมีคืน ซื้ออะไรได้บ้าง ?
ประเด็นที่สำคัญอีกประการสำหรับช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษี ก็คือ การจับจ่ายใช้สอยนั้นจะต้องอยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่ 23 ตุลาคม 2563 – 31 ธันวาคม 2563 โดยจะสามารถนำการใช้จ่ายและหลักฐาน ไปลดหย่อยภาษีปี 2563 ณ เดือนมีนาคม 2564 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เราต้องยื่นภาษีปี 2563 โดยมีการยกเว้นรายการสินค้าและบริการที่ไม่สามารถนำมารวมในการลดหย่อนภาษีกับมาตรการ ช้อปดีมีคืนได้ เช่น
- สุรา/ เบียร์ และไวน์
- ค่าน้ำมัน และก๊าซ
- ค่าหนังสือพิมพ์ และนิตยสาร
- ค่าบริการธุรกิจนำเที่ยว
- ยาสูบ
- ค่าโดยสารรถยนต์/ มอเตอร์ไซค์ และเรือ
- ค่าบริการ E – Book
- ค่าที่พักโรงแรม
ทองคำ ไม่สามารถใช้สิทธิตามมาตรการ ช้อปดีมีคืนได้ เพราะการซื้อทองคำไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ส่งผลให้ไม่สามารถขอเอกสารใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้นั่นเอง ใช้ขณะที่การซื้อเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เครื่องสำอางนั้นสามารถใช้สิทธิได้ตามมาตรการ ช้อปดีมีคืน
ซื้อประกัน ใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืนได้หรือ ?
หากซื้อประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต ไม่สามารถใช้สิทธิตามมาตรการ ช้อปดีมีคืนได้ แต่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีในหมวดประกันได้ ดังนี้
- ประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันชีวิตบำนาญ ลดหย่อนได้ 15% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
- ประกันสุขภาพตัวเอง ลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี แต่เมื่อรวมเบี้ยประกันชีวิต และเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท
- ประกันสุขภาพบิดา-มารดา ลดหย่อนได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
เสริมความงาม ทำทันตกรรม ศัลยกรรม ใช้สิทธิมาตรการ ช้อปดีมีคืนได้หรือไม่ ?
การเข้าร่วมมาตรการ ช้อปดีมีคืนด้วยการใช้บริการเสริมความงาม การทำทันตกรรมและการศัลยกรรมนั้น เป็นการใช้บริการรักษาพยาบาลของสถานพยาบาล ที่ค่ารักษาพยาบาลเหล่านั้น จะได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สิทธิช้อปดีมีคืน ลดหย่อนภาษีได้นั่นเอง ในขณะที่การเข้าใช้บริการด้านนวดหน้า สปา จากร้านทั่วไปนั้น หากร้านสามารถออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบได้ ก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ แต่จะต้องเป็นการใช้บริการในช่วงวันที่ 23 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2563 เท่านั้น