
วิธีหารายได้เสริมสำหรับข้าราชการที่สามารถทำจริงและอาจสร้างรายได้ราว 10,000 บาทต่อเดือน
การเป็นข้าราชการในประเทศไทยมักมีข้อจำกัดหลายประการ โดยเฉพาะในแง่ของระเบียบและจริยธรรมในการทำงาน อย่างไรก็ตาม หากไม่กระทบต่องานราชการหลัก และไม่ขัดต่อกฎหมายหรือระเบียบของต้นสังกัด การหารายได้เสริมย่อมเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน บทความนี้จะชี้แนะแนวทางและตัวอย่างวิธีที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง พร้อมข้อควรระวังที่ควรคำนึงถึง
1. งานสอนพิเศษ / ติวเตอร์
ลักษณะงาน
• สอนพิเศษในวิชาที่ตนเองถนัด เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ หรือวิชาเฉพาะทางที่ตรงกับสายงานราชการ
• สอนออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มวิดีโอคอล เช่น Zoom, Google Meet หรือสอนแบบตัวต่อตัว (อาจเป็นช่วงเย็นหรือเสาร์-อาทิตย์)
รายได้โดยประมาณ
• ชม.ละ 200–500 บาท (สำหรับกลุ่มผู้เรียนทั่วไป เช่น นักเรียนหรือบุคคลทั่วไป)
• หากเปิดคอร์สออนไลน์เป็นกลุ่ม 3–5 คน อาจมีโอกาสทำรายได้รวมถึงหลักหมื่นต่อเดือน หากมีจำนวนผู้เรียนมากพอ
ข้อควรระวัง
• ตรวจสอบกฎระเบียบหน่วยงาน: บางหน่วยอาจกำหนดเงื่อนไขเกี่ยวกับงานสอนพิเศษหรือการจ้างงานส่วนบุคคล
• วางตารางให้ชัดเจน ไม่ให้กระทบเวลาราชการ
2. ขายสินค้าออนไลน์ (E-Commerce)
ลักษณะงาน
• ขายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada หรือโซเชียลมีเดีย (Facebook, Line, Instagram, TikTok)
• สินค้าอาจเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ของจังหวัดหรือพื้นที่ที่ดูแลอยู่ (หากไม่ขัดระเบียบ) หรือสินค้าสำเร็จรูปจากโรงงานที่รับมาขายต่อ (Reseller)
รายได้โดยประมาณ
• มีกำไรต่อชิ้นต่างกันไป ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้าและต้นทุน
• หากวางแผนโปรโมตและบริหารสต็อกดี ๆ มีโอกาสได้กำไร 10,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้น
ข้อควรระวัง
• เลือกสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายและไม่ขัดต่อจริยธรรมของข้าราชการ
• ระวังไม่ใช้ตำแหน่งราชการหรือทรัพย์สินราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัวในการขายสินค้า
• ต้องไม่ให้กระทบเวลาทำงาน หรือใช้อำนาจหน้าที่เอื้อประโยชน์เกินควร
3. บริการรับแปลเอกสาร / เขียนบทความ
ลักษณะงาน
• หากมีทักษะภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือภาษาอื่น ๆ สามารถรับจ้างแปลเอกสารให้บริษัทหรือบุคคลทั่วไป
• หากถนัดงานเขียนภาษาไทย อาจเขียนบทความลงในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น เพจ Facebook / เว็บไซต์บทความอิสระ / Blockdit / Medium
รายได้โดยประมาณ
• ค่าบริการแปลเอกสาร: หน้าละ 150–500 บาท (ขึ้นอยู่กับความยากของเนื้อหา)
• เขียนบทความ: บทความละ 300–1,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงของผู้เขียน
• หากรับงานเป็นประจำ หรือทำสัญญาระยะยาว อาจทำเงินได้ถึงหลักหมื่นบาท/เดือน
ข้อควรระวัง
• ไม่ควรรับงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลราชการหรือข้อมูลลับ
• จัดสรรเวลาทำงานนอกเวลาราชการเท่านั้น
4. เปิดคอร์สออนไลน์ / สร้างคอนเทนต์ความรู้เฉพาะทาง
ลักษณะงาน
• หากข้าราชการท่านใดมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (เช่น กฎหมาย, การเงิน, การวางแผน, งานเกษตร, งานสาธารณสุข) สามารถทำคอร์สออนไลน์ หรือจัดอบรมในช่วงวันหยุด
• เผยแพร่วิดีโอความรู้ใน YouTube, TikTok, Facebook และสร้างกลุ่มสมาชิก (Membership) เพื่อแลกกับคอร์ส/ความรู้เชิงลึก
รายได้โดยประมาณ
• คอร์สออนไลน์อาจตั้งราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 500–2,000 บาท/คอร์ส/ต่อคน หากมีผู้เข้าเรียนเป็นหลักสิบหลักร้อยคน ก็สามารถทำรายได้หลักหมื่นได้ไม่ยาก
• รายได้จากโฆษณาหรือการสนับสนุน (Sponsorship) หากช่องหรือเพจมียอดผู้ติดตามมากขึ้น
ข้อควรระวัง
• ไม่เปิดเผยข้อมูลหรือเอกสารราชการที่เป็นความลับ
• หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่อาจขัดแย้งกับนโยบายรัฐหรือแสดงความเห็นทางการเมืองที่รุนแรงในฐานะ “ข้าราชการ”
5. ทำเกษตรผสมผสาน / ผลิตสินค้าแปรรูปเล็ก ๆ น้อย ๆ
ลักษณะงาน
• หากมีพื้นที่หรือมีบ้านต่างจังหวัด อาจทำเกษตรแบบผสมผสานหรือปลูกผักสวนครัว เลี้ยงสัตว์เล็ก ๆ แล้วนำผลผลิตมาแปรรูปเป็นสินค้า เช่น แยม ผักดอง ผลไม้อบแห้ง ฯลฯ
• ขายออนไลน์หรือขายในกลุ่มเพื่อนร่วมงาน ตลอดจนชุมชนใกล้เคียง
รายได้โดยประมาณ
• ขึ้นกับปริมาณผลผลิตและช่องทางการจำหน่าย
• หากสามารถขายประจำสัปดาห์หรือเดือนละ 2–3 ครั้ง มีโอกาสทำกำไรเฉลี่ย 5,000–10,000 บาท/เดือน หรือมากกว่านั้นในฤดูกาลที่ผลผลิตสูง
ข้อควรระวัง
• ต้องไม่ใช้เวลาราชการไปดูแลธุรกิจส่วนตัว
• ตรวจสอบกฎระเบียบภายในว่าอนุญาตให้ข้าราชการขายสินค้าภายในหน่วยงานได้หรือไม่
6. รับทำงานฝีมือ / งานฝึกอาชีพ
ลักษณะงาน
• หากมีทักษะงานฝีมือ เช่น ถักโครเชต์, ทำเครื่องหนัง, ทำเครื่องประดับ, ทำของตกแต่งบ้าน สามารถผลิตสินค้าสวยงามแล้วขายผ่านทางออนไลน์ หรือวางขายตามงานแฟร์
• หรือลองเข้าร่วมโครงการฝึกอบรมงานฝีมือจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน / หน่วยงานรัฐอื่น ๆ เพื่อพัฒนาฝีมือเพิ่ม
รายได้โดยประมาณ
• ขึ้นอยู่กับต้นทุนวัสดุและเวลาที่ใช้ทำ โดยชิ้นงานแฮนด์เมดมีโอกาสขายราคาสูงกว่าต้นทุนได้หลายเท่าตัว
• หากมีช่องทางขาย (ออนไลน์ + ออฟไลน์) สม่ำเสมอ อาจทำรายได้เสริมหลักหมื่นบาท/เดือน
ข้อควรระวัง
• ควรทำด้วยความตั้งใจและคำนึงถึงคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ
• ไม่ควรเร่งผลิตจนกระทบเวลาพักผ่อนหรือเวลาทำงานราชการ
7. ลงทุนในตลาดทุน / กองทุนรวม / หุ้นปันผล
ลักษณะงาน
• สำหรับข้าราชการที่สนใจเรื่องการลงทุนระยะยาว อาจใช้วิธี “ลงทุน” เพื่อให้เงินทำงานแทน
• เลือกลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีการกระจายความเสี่ยงเหมาะสม
รายได้โดยประมาณ
• รายได้อาจอยู่ในรูปของ “เงินปันผล” (Dividend) หรือ “กำไรส่วนต่างราคา” (Capital Gain) ซึ่งอาจไม่แน่นอนทุกเดือน แต่บางพอร์ตหากทำได้ดีอาจสร้างกำไรเฉลี่ย 10,000 บาท/เดือน (หรือปีละ 120,000 บาท)
• ต้องอาศัยความรู้และเวลาพอสมควร รวมถึงความเข้าใจในความเสี่ยง
ข้อควรระวัง
• ไม่ควรลงทุนโดยใช้เงินกู้ หรือนำเงินที่ต้องใช้จ่ายจำเป็นมาเสี่ยง
• ระวังไม่ให้ขัดกับกฎระเบียบเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการใช้ข้อมูลภายใน (Insider Trading) ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายเศรษฐกิจหรือการคลัง
8. ข้อควรระวังด้านจรรยาบรรณและกฎหมายสำหรับข้าราชการ
1. หลีกเลี่ยงความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (Conflict of Interest)
• ไม่ควรใช้ตำแหน่งราชการเอื้อให้ได้กำไรหรือสิทธิพิเศษ เช่น การเรียกลูกค้า แทรกแซงขั้นตอนราชการ หรือการลงนามอนุมัติต่าง ๆ
2. ไม่ใช้ทรัพย์สินราชการเพื่อประโยชน์ส่วนตัว
• อุปกรณ์สำนักงาน ยานพาหนะ หรือทรัพยากรอื่น ๆ ของหน่วยงาน ไม่ควรถูกใช้เพื่อการค้าหรือธุรกิจส่วนตัว
3. ไม่ให้กระทบงานหลัก
• การเป็นข้าราชการควรให้ความสำคัญกับงานราชการเป็นอันดับแรก ไม่ละทิ้งหน้าที่หรือเบียดบังเวลางาน
4. ตรวจสอบประกาศหรือระเบียบภายในหน่วยงาน
• บางกระทรวง/กรม/หน่วยงาน อาจมีประกาศชัดเจนเรื่องการทำธุรกิจหรืออาชีพเสริม ต้องปฏิบัติตามให้ถูกต้อง
9. บทสรุป
การหารายได้เสริมของข้าราชการให้ได้เดือนละ 10,000 บาทนั้น ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากมีการวางแผนที่ดีและเลือกช่องทางที่เหมาะสมกับความถนัดและทรัพยากรของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการสอนพิเศษ ขายสินค้าออนไลน์ ทำงานแปล หรือผลิตสินค้าแปรรูป ล้วนเป็นทางเลือกที่สามารถเริ่มต้นได้ไม่ยาก อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึง จรรยาบรรณและกฎระเบียบราชการ เป็นสำคัญ เพื่อให้การหารายได้เสริมของคุณมีความโปร่งใสและยั่งยืนในระยะยาว
ข้อแนะนำสุดท้าย:
• เริ่มจากสิ่งที่คุณถนัดหรือสนใจเป็นพิเศษ จะช่วยให้ทำอย่างมีความสุขและต่อเนื่อง
• ตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 10,000 บาท/เดือน แล้ววางแผนแบ่งเป็นขั้นตอนย่อย ๆ เพื่อประเมินว่าสิ่งไหนทำแล้วคุ้มทุนหรือไม่
• หมั่นพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และปรับตัวตามสถานการณ์ตลาด เพื่อโอกาสสร้างรายได้ที่มั่นคงและต่อยอดได้ในอนาคต